วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิธีการต้มเส้นพาสต้า

วิธีการต้มเส้นพาสต้า
-         เริ่มจากนำหม้อทรงสูงก้นลึกมาใส่น้ำประมาณ 1/2 หรือ 3/4 ของหม้อ ตั้งไฟ

-         ใส่เกลือป่นลงไปประมาณ 1-2 ช้อนชา ตามด้วยน้ำมันมะกอก (หรือน้ำมันพืช) ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ เพื่อไม่ให้เส้นเกาะตัวกัน
-         เมื่อน้ำเดือดดีแล้วใส่เส้นพาสต้าที่ต้องการลงไปต้ม โดยค่อยๆ ทยอยใส่เส้นลงไปทีละน้อยติดต่อกันไปเรื่อยๆ อย่าใส่เส้นลงไปพร้อมกันทั้งหมดในคราวเดียว เพราะเส้นพาสต้าจะกอดกัน ทำให้สุกไม่ทั่วถึงกันได้ และอย่าลืมใช้ทัพพีคนเส้นบ่อยๆ (อย่างเบามือ) เพื่อไม่ให้เส้นติดก้นหม้อ
-         เมื่อเส้นพาสต้าสุกได้ที่แล้วให้ตักใส่กระชอนหรือเทใส่ตะแกรงแล้วราดด้วยน้ำเย็นทันที ไม่เช่นนั้นความร้อนที่มีอยู่ในเส้นจะทำให้เส้นระอุไปเรื่อยๆ ทำให้เส้นพาสต้าที่ต้มสุกแล้วเละได้ เมื่อราดเส้นด้วยน้ำเย็นแล้ว ทิ้งไว้ให้ สะด็ดน้ำแล้วนำมาคลุกด้วยเนยละลาย หรือน้ำมันมะกอก พร้อมสำหรับปรุงสารพันเมนู



ระยะเวลาที่ใช้ในการต้มเส้น

-         ระยะเวลาที่ใช้ในการต้มเส้น หากเป็นเส้นพาสต้าสดจะใช้เวลาต้มไม่นาน คืออยู่ระหว่าง 3-5 นาที แต่ส่วนใหญ่มักจะนิยมใช้เส้นพาสต้าแบบแห้ง ดังนั้นระยะเวลาในการต้มเส้นแต่ละชนิดควรต้มตามคำแนะนำที่มีระบุไว้ข้างกล่องหรือข้างซอง เพราะแต่ละผลิตภัณฑ์อาจใช้เวลาในการต้มไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะอยู่ที่ระหว่าง 8-12 นาที




เครดิต : FoodTravel.tv


สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า


   

  Carbonara   เป็นซอสพาสต้าพื้นบ้านอย่างหนึ่งของอิตาลี่ ที่มีส่วนประกอบหลักๆ คือ พริกไทยดำ ไข่ และอิตาเลี่ยนเบค่อน (Pancetta, Guanciale) คำว่า Carbonara แปลว่า ถ่านหิน มีตำนานการถือกำเนิดของซอสชนิดนี้หลายเรื่อง บ้างก็ว่ามันชื่อคาร์โบนาร่าเพราะเป็นที่นิยมของคนงานในเหมืองถ่านหิน บ้างก็ว่าเพราะส่วนประกอบที่มีสีเข้มเหมือนถ่าน คือพริกไทยและเบค่อนทอดกรอบเกรียม บ้างก็ว่าเพราะมันทำบนเตาถ่าน และมีบางประวัติเล่าว่าซอสนี้เริ่มมีมาตั้งแต่ยุคโรมโบราณ

แต่ด้วยหลักฐานการบันทึกสูตรอาหารอิตาเลี่ยน พบว่า Carbonara ยังไม่เคยเป็นที่รู้จักจนกระทั่งก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ในช่วงที่ชาวอิตาลี่ต้องบริโภคเสบียงที่กองทัพอเมริกันส่งมาให้ โดยมีหลักๆ คือไข่และเบค่อน คาร์โบนาร่าจึงกลายเป็นที่นิยมไม่เฉพาะในหมู่ชาวอิตาเลียน แต่ยังรวมไปถึงบรรดาทหารอเมริกันที่ประจำการอยู่ที่อิตาลี่ด้วย กระทั่งทหารอเมริกันกลับสู่บ้านเกิด พวกเขาก็ยังนำเมนูนี้กลับไปเผยแพร่ในอเมริกา ในชื่อ spaghetti alla carbonara หรือ สปาเก็ตตี้ในซอสคาร์โบนาร่า
ส่วนผสม
-         เส้นสปาเก็ตตี้ 100 กรัม
-         วิปครีม 2 ถ้วย
-         พาร์เมซานซีสป่น 1/2 ถ้วย
-         แฮมหั่น 2 ชิ้น
-         หอมใหญ่สับ 2 หัว
-         ไข่ 1 ฟอง
-         พริกไทย 1 ช้อนชา
-         เกลือ 2/3 ช้อนชา
วิธีทำ
1.            ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด  พอน้ำเดือนแล้วก็ใส่เส้นลงไป
2.            ต้มสัก  9 – 10 นาที
3.            จากนั้นน้ำเส้นมาล้างด้วยน้ำเย็น  จากนั้นพักเส้นไว้ก่อน
4.            ขณะพักเส้นก็ทำซอสราด  เริ่มจากเตรียม  วิปครีม  เทใสถ้วย 
5.            นำไข่มาตอก  แยกไข้ขาวออกเอาเฉพาะไข่แดงใส่ลงไป
6.            หลังจากนั้น  เอาพาร์เมซานซีส  ใส่ลงไป  แล้วคนให้เข้ากัน  เสร็จแล้วพักไว้ก่อน
7.            และก็ถึงขั้นตอนการผัด  เริ่มที่การตั้งกระทะ  และใส่น้ำมันมะกอกลงไปรอให้น้ำมันร้อน
8.            เอาแฮมและหอมหัวใหญ่ใส่ตามลงไปผัด
9.            ผัดจนหอมหัวใหญ่กับแฮมเหลือง  แล้วใส่เส้นลงไปผัด
10.    ผัดให้เข้ากัน  ใส่พริกไทยกับเกลือลงไป
11.    ตั้งไฟอ่อนๆ นำซอสที่เตรียมไว้ มาคลุกกับเส้นที่ผัด
12.    ผัดให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วก็จัดใส่จานเสิร์ฟได้เลย









สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล

 สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล



ส่วนผสม
1.            ข้าวโพดอ่อน (หั่นชิ้น) 2 ฝัก
2.             เส้นสปาเก็ตตี้ 120 กรัม
3.             กุ้งสด 50 กรัม
4.            ปลาหมึก 50 กรัม
5.             น้ำมันสำหรับทอด 1 ถ้วย
6.             พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด
7.             พริกขี้หนูสับ 1 ช้อนชา
8.             มะเขือเทศสีดา (หั่นชิ้น) 4 ผล
9.             ใบกระเพราทอดกรอบ 1 ถ้วย
10.     กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
11.    น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
12.     น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
13.     ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
14.     น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
ขั้นตอนและวิธีทำ
1.            ตั้งน้ำให้เดือด นำเส้นสปาเก็ตตี้ลงต้มจนสุก แล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำพักไว้
2.            ตั้งกระทะให้ร้อน เทน้ำมัน ใส่กระเทียมผัดพอหอม แล้วใส่พริกสับและซีฟู้ด ผัดพอให้ซีฟู้ดสุก
3.            ใส่มะเขือเทศ ข้าวโพดอ่อน เส้นสปาเก็ตตี้ ปรุงรส แล้วผัดให้เข้ากัน
4.            ใส่พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ ใบกะเพราและเม็ดพริกไทยอ่อน ผัดให้พอสุก
5.            โรยด้วยพริกแห้งคั่วและใบกระเพราทอดกรอบ
6.            ตกแต่งจาน   พร้อมเสิร์ฟ

เครดิต : Foodtravel.tv

ผัดมักกะโรนีกุ้ง

ผัดมักกะโรนีกุ้ง



ส่วนผสม
1.             เส้นมักกะโรนี 1 ถ้วย
2.            กุ้ง 5-6 ตัว
3.             ไข่ไก่ 1 ฟอง
4.             หัวหอมใหญ่หั่นเป็นชิ้น 1 หัว
5.             มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น 1 ลูก
6.             ต้นหอม 23 ต้น
7.             ซอสมะเขือเทศประมาณ 56 ช้อนโต๊ะ
8.             ซอสพริกประมาณ 23 ช้อนโต๊ะ
9.             ซีอิ๊วขาวประมาณ 12 ช้อนโต๊ะ
10.         น้ำมันหอยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
11.          น้ำตาลทราย ½ – 1 ช้อนโต๊ะ
12.         น้ำมันพืชหรือเนย (สำหรับผัดมักกะโรนี)
13.         พริกไทยป่น
14.        กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ


ขั้นตอนและวิธีทำผัดมักกะโรนี
1.            นำน้ำใส่หม้อให้ปริมาณมากกว่ามักกะโรนี 4 เท่า (เช่น เส้นมักกะโรนี 1 ถ้วย ใช้น้ำประมาณ 3 – 4 ถ้วย)  แล้วนำหม้อขึ้นตั้งบนเตา เปิดไฟแรงให้น้ำเดือดจัด เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะและเกลือเล็กน้อยลงไป จากนั้นลดไฟลงเหลือไฟกลางค่อนไปทางแรง
2.             ใส่เส้นมักกะโรนีลงในหม้อ คนด้วยทัพพีเป็นระยะๆกันเส้นมักกะโรนีติดก้นหม้อ และเพื่อให้ถูกความร้อนทั่วถึงกันดี ต้มจนเส้นมักกะโรนิ่มตามชอบ แล้วปิดเตา จากนั้นเทมักกะโรนีผ่านกระชอนโปร่งเพื่อเอาน้ำร้อนทิ้งไปจนสะเด็ดน้ำ พักไว้
3.            จากนั้นเรามาเตรียมกุ้งและผักต่างๆสำหรับผัดมักกะโรนีกันต่อ เริ่มที่นำกุ้งสด มาปอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด แล้วผ่าหลังนำเส้นดำออก
4.             ส่วนผักต่างๆก็นำมาล้างให้สะอาด  และหั่นให้พอดีคำ
5.             เตรียมเครื่องครบหมดทุกอย่างแล้ว  ตั้งกระทะบนเตา เปิดไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชหรือเนยสำหรับผัดลงในกระทะ พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่กระเทียมลงผัดกับน้ำมันให้หอม
6.             เติมกุ้งลงไปผัดให้เกือบสุก แล้วตอกไข่ใส่ลงไป รอสักครู่ให้ไข่พอสุกและเซ็ทตัว คนด้วยตะหลิวให้ไข่กระจายตัว
7.             จากนั้นใส่หัวหอมใหญ่หั่นและต้นหอมส่วนสีขาวลงไปผัดพอเข้ากัน
8.             เติมเส้นมักกะโรนีลงไปผัดพอทั่ว แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก พริกไทยป่น น้ำมันหอย และซีอิ๊วขาว ถึงตรงนี้ให้เร่งไฟแรงเล็กน้อย ผัดให้เข้ากัน ให้ซอสเคลือบมักกะโรนีให้ทั่ว
9.            ชิมรสให้ได้รส  ใส่มะเขือเทศและต้นหอมหั่นลงไป ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง จึงปิดเตา

10.    ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ





เครดิต : Foodtravel.tv

ระดับความสุก

ระดับความสุก




     ความสุก คือปริมาณช่วงเวลาในการเตรียมสเต๊ก ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ความสุกจะใช้กับสเต๊กเนื้อวัวเพื้ออย่างเดียว เนื่องจากเนื้อชนิดอื่นเช่นเนื้อหมู จำเป็นต้องทำให้สุกเพื่อฆ่าเชื้อที่ทำอันตรายต่อมนุษย์ที่อยู่ภายในเนื้อ          
-          แรร์ (rare) เนื้อด้านนอกสีน้ำตาลอมเทา เนื้อส่วนกลางยังคงเป็นสีแดงและสีชมพู
-         มีเดียมแรร์ (medium rare) เนื้อด้านนอกสีน้ำตาลอมเทา เนื้อส่วนกลางเป็นสีแดงอมเทา ส่วนมากถ้าไม่ได้สั่งอะไรพิเศษ ทางสเต๊กจะจัดเตรียมในลักษณะนี้
-         มีเดียม (medium) เนื้อด้านในสุดเป็นสีชมพู โดยเนื้อส่วนอื่นจะเป็นสีน้ำตาลอมเทา
-         มีเดียมเวลล์ (medium well) เนื้อทั้งหมดจะเป็นสีน้ำตาลอมเทา โดยจะเห็นเพียงสีชมพูเรื่อๆ ความฉ่ำของเนื้อจะเริ่มลดลงที่ระดับนี้
-         เวลล์ดัน (well done) เนื้อทั้งหมดจะเป็นสีน้ำตาลอมเทา ความฉ่ำและความนุ่มของเนื้อจะลดลง แต่เนื้อจะสุกทุกส่วน

-         โอเวอร์คุ๊ก (Overcook) เนื้อทั้งหมดจะใหม้เกรียมเป็นสีดำ เนื้อจะแห้งแข็งและกระด้าง มีรสขมบ้าง




เครดิต : TingTing Vania

วิธีทำ น้ำเกรวี่ (น้ำราดสเต็ก)

วิธีทำ น้ำเกรวี่ (น้ำราดสเต็ก)




-         ตั้งกระทะใส่เนยเค็ม ผัดหอมหัวใหญ่พอสุก จากนั้นก็ใส่น้ำสะอาดใส่กระทะนิดหน่อย กะให้พอดีพอราดสเต็ก
-         จากนั้นก็นำน้ำที่เหลือจากการหมักหมู เทลงกระทะ
-         พอเดือด ก็ใส่แป้งข้าวโพดที่ละลายน้ำไว้ ใส่ทีละนิด ให้น้ำข้นนิดหน่อย ชิมรส ถ้ารสชาติขาดอะไรก็เพิ่มเติมได้

-         จัดจานกันเลย ใช้จานใบใหญ่   นำหมูที่ทอดไว้เรียบร้อยแล้ววางตรงกลาง ราดด้วยน้ำเกรวี่ที่ทำเสร็จแล้ว และจัดผักต้ม และผักสดไว้ด้านข้าง 


เครดิต : FoodTravel.TV 

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การทำสเต็กแบบคร่าวๆ


วิธีทำ

  1. -         หมักเครื่องเทศและซอสปรุงรสต่างๆ กับเนื้อสัตว์ดิบ เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที เพื่อให้เข้าเนื้อ
  2. -         ตั้งกระทะก้นแบน เทน้ำมันเล็กน้อย ตามด้วยเนยเพื่อให้กลิ่นหอม
  3. -         ทอดบนกระทะ ไฟกลาง สักครู่แล้วพลิกกลับเพื่อให้เนื้อสุกทั้งสองด้านตามระดับความสุก
  4. -         ตักออกใส่จาน
  5. -         กระทะที่เปื้อนอยู่ ใส่เนย นม หรือสลัดครีมแล้วผัดเพิ่ม ถ้าต้องการน้ำราด
  6. -         ผักต้มอบเนยข้างจาน เช่น ถั่วแขก แครอท ข้าวโพดอ่อน เห็ด
  7. -         หั่นผักให้เป็นแท่งแล้วนำไปต้มในน้ำเดือดสักพัก พอดูว่าผักสุกแล้ว หรือใช้ไมโครเวฟต้มผักในชามซึ่งมีน้ำร้อนอยู่เต็มก็ได้ ไม่เกิน 10 นาที
  8. -         นำผักนั้นผึ่งให้แห้ง
  9. -         ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันและเนยเล็กน้อย
  10. -         นำผักลงไปผัด คลุกๆ ไม่ต้องนานมากเพราะผักสุกอยู่แล้ว



เครดิต : FoodTravel.TV

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สต็กหมู

ส่วนผสม "สต็กหมู"
-         เนื้อหมูแบบทำสเต็กโดยเฉพาะ 1 ชิ้น (สำหรับ 1 ที่)

-         ผักเครื่องเคี่ยง (ตามชอบ) สำหรับต้ม
-         กะหล่ำปลี แครอท หั่นฝอย ผักสลัด

-         น้ำสลัดแบบสำเร็จรูป

-         พริกไทยเม็ดโขลก 1 ช้อนโต๊ะ

-         รากผักชีโขลก 1 ช้อนโต๊ะ
-         ซ๊อสปรุงรส 2ช้อนโต๊ะ
-         ซ๊อสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ

-         น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
-         นมสด 2 ช้อนโต๊ะ

-         เกลือเล็กน้อย

-         เนยสด
-         เนยเค็ม

-         แป้งข้าวโพด

-         หอมหัวใหญ่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

-         ผงหมักหมูแบบสำเร็จรูป 1/2 ช้อนชา


วิธีทำ
-         นำหมูมาล้างทำความสะอาด จากนั้นก็นำฆ้อนเล็็ก (ฆ้อนสำหรับทำสเต็ก) มาทุบหมู ทั้งสองด้าน (เพื่อที่เวลาหมักหมูนั้น เครื่องเทศจะเข้าถึงเนื้อหมูเพราะหมูก็จะนุ่มด้วย)
-          หมักหมู ใส่พริกไทยรากผักชีที่โขลกไว้ ซ๊อสปรุงรส ซ๊อสหอยนางรม น้ำตาลทราย นมสด เกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ (อย่่างเร็วสุดควรหมัก ครึ่งชั่วโมง แต่ถ้ายิ่งหมักนาน หมูจะนุ่มเพราะเครื่องเทศต่างๆ จะเข้าเนื้อหมู)
-         นำผักที่เตรียมไว้ แครอท   และผักที่ชอบเช่น ข้าวโพดอ่อน ฯลฯ ต้มพอสุก(ใส่เกลือนิดหน่อยเพื่อให้สีผักสวย) พอสุกตักขึ้น เทน้ำเย็นลงไปทันที แล้วคลุกด้วยเนยสดเล็กน้อยจะหอมอร่อย พักไว้
-          ล้างและหั่นผักสดไว้เพื่อจัดเป็นผักสลัด หั่นกะหล่ำปลี แครอทฝอย พักไว
หมูหมักได้ที่แล้ว ก็เตรียมทอด กับกระทะก้นแบน ใส่เนยเค็มสำหรับทอด ใช้ไฟปานกลาง ทอดทั้ง 2 ด้าน จนสุก พักไว้